Learning Log
7 st September, 2015
ในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในปัจจุบัน
ผู้เรียนต้องเรียนรู้ แบบ English
Language Learning คือ การเรียนรู้โดยธรรมชาติ (Nation
Learning) จึงเรียนรู้ภาษาได้ดีมากกว่าการเรียนรู้ แบบ English
Language Acquisition คือ การเรียนรู้โดยเรารู้ตัว
ก่อนจัดการเรียนการสอน ครูต้องรู้
background
knowledge ของนักเรียน อาจทดสอบโดย
การทดสอบก่อนเรียนหรือทำแบบฝึกหัดก่อนเรียน เพื่อทราบระดับภาษาของนักเรียน
นำมาออกแบบการเรียนการสอน เมื่อจัดการเรียนการสอนแล้ว ผู้เรียนจะเรียนรู้เข้าใจหรือไม่
ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย คือ ครูกับนักเรียน
แต่ปัจจัยที่ช่วยเหลือนักเรียนได้คือ “ครู”
สำหรับการแปล
ผู้แปลต้องมีความรู้ทาง syntax , semantic,
vocabulary
เป็นอย่างดี
เพื่อทำให้การแปลมีความถูกต้อง
การแปลที่ดี ต้องสั้น
กระชับ รัดกุม แต่ความหมายครบถ้วน
การแปล
ขึ้นอยู่กับชนิดของงานแปล มีทางการกับไม่เป็นทางการ
การแปล
ระหว่างภาษาไทยกับภาษาอังกฤษแตกต่างกัน และผู้แปลควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ซึ่งในภาษาอังกฤษ คำกริยาต้องแสดงกาล แสดงว่าเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
แต่ภาษาไทยไม่ถือว่ากาลเป็นเรื่องสำคัญ
Tenses
ต้องใช้ adverb of time มาช่วย (ดู verb)
ตัวอย่าง การแปล
จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ
He
lived in Nakhon Si Thammarat for a year. เขาเคยอยู่ที่นครศรีธรรมราช 1 ปี (past simple tense)
He
คือ บุรุษที่ 3 /เอกพจน์
lived
คือ กริยาช่องที่ 2
เปรียบเทียบกับ ประโยคที่ 2
He
has leaved in NST for a year. เขาเคยอยู่ที่นครศรีธรรมราชมา
1 ปีแล้ว (present perfect tense)
He
คือ บุรุษที่ 3 /เอกพจน์
has
ใช้กับประธานเอกพจน์
leaved
ตามด้วย v. ช่อง 3
This
hotel serves breakfast at seven o’clock. โรงแรมนี้บริการอาหารเช้า
7 โมง (present simple tense)
hotel
คือ ประธานเอกพจน์
serves
คือ v. เติม s
My
friend is travelling in Japan. เพื่อนของฉันกำลังท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น ( present continuous
tense)
My
friend คือ บุรุษที่ 3 /เอกพจน์
is
ใช้ตามด้วยกริยาหลัก +
ING
Panee
had sent us a letter before she left. ปราณีได้ส่งจดหมายให้เราก่อนจะไป
(past perfect เกิดก่อน
past sim เกิดหลัง)
Panee
คือ บุรุษที่ 3/เอกพจน์
had
ตามด้วย verb ช่อง 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น