วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log (นอกห้องเรียน) ฝึกทักษะการฟัง 20th October, 2015


      Learning Log   (นอกห้องเรียน)
      ฝึกทักษะการฟัง
                                                                   20th    October, 2015

                การฟัง คือ การรับรู้ การเข้าใจ จับประเด็น และแปลความหมายจากเสียงที่เป็นคำพูด สัญญาณต่างๆที่มนุษย์ใช้ในการติดต่อสื่อสารได้ถูกต้อง ซึ่งการฟังเป็นทักษะหนึ่งที่มีความสำคัญมากในการสื่อสาร หากปราศจากการฟังแล้ว การสื่อสารก็จะล้มเหลว เห็นได้ว่าการฟังมีประโยชน์อย่างมาก เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องฝึกฟัง เพื่อสามารถเข้าใจสารที่ผู้พูดส่งมาได้อย่างถูกต้อง การฟังภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกัน เราต้องฝึกทักษะการฟังบ่อยๆ สม่ำเสมอ  เพื่อพัฒนาทักษะการฟัง เนื่องด้วยภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาหลักของเรา จึงยากที่จะเข้าใจสารนั้นๆได้ดี ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง โดยการดูหนัง 4 เรื่อง คือ คือ Night at the museum secret of the tomb.   Brave , A Midsummer Night’s Dream และ Dark shadows จากการที่ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังในครั้งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง สามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ แต่ไม่สามารถเข้าใจแต่ละประโยคได้ พบคำศัพท์ต่างๆมากมายทั้งที่เคยเจอและไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งในครั้งนี้ดิฉันตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะฝึกทักษะการฟังต่อ โดยการดูหนัง2 เรื่อง คือ Rapulzel และ Frozen และได้ฟังเพลง 4 เพลง คือ ready or not ,เพลง  Let It Go , เพลง Party in the U.S.A. และเพลง You and I   โดยเริ่มตั้งตั้งแต่วันที่ 20 เดือนตุลาคม พ..2558 ถึงวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ..2558  เพื่อพัฒนาทักษะการฟังให้ดียิ่งขึ้น และหวังว่าการฝึกฟังในครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ

                วันที่ 20 เดือนตุลาคม พ..2558 2558 ถึงวันที่ 21 เดือนตุลาคม พ..2558  ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟังเรื่อง Rapulzel เหตุผลที่ดิฉันเลือกฝึกเรื่องนี้ เพราะดิฉันชอบหนังแนว animation เมื่อดูแล้ว ทำให้ดิฉันไม่หลับ และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เป็นหนังที่สนุกและไม่น่าเบื่อ วิธีการฝึกคือ ดิฉันฝึกฟังทั้งหมด 2 รอบ รอบแรกจะฟังแบบไม่มีซับไตเติ้ลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รอบที่สองจะฟังแบบมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ Rapulzel เป็นลูกของพระราชาและพระราชินี ตอนที่ Rapulzel จะคลอดนั้น แม่ของเธอไม่สบายหนักมาก พ่อของเธอจึงไปเอาดอกไม้วิเศษมา ดอกไม้นั้นมีสีทอง ซึ่งแม่มดกำลังจะเอาไว้ครอบครอง แต่พ่อของเธอได้มาเอาเสียก่อน และนำไปให้พระราชินีดื่ม และเมื่อ Rapulzel เกิดมานั้น เธอมีหน้าตางดงาม และมีผมสีทอง และเมื่อเธอร้องเพลงนั้น ผมจะมีสีทอง และมีความมหัศจรรย์ แม่มดซุ่มมองอยู่ตลอดเวลาเพื่อที่จะเอาตัว Rapulzel ในคืนนั้นเอง แม่มดได้เข้ามาจับตัวเธอไป โดยพ่อกับแม่ของเธอก็เห็น แต่ตามไปไม่ทัน เธอได้ไปอยู่กับแม่มด จนอายุ 18ปี เธอไม่เคยออกจากหอคอยเลย เธอได้อ้อนวอนแม่มดให้เธอออกไปจากหอคอยบ้าง เธออยากไปดูโคมไฟลอยฟ้า แต่แม่มดไปอนุญาต และบอกว่า ข้างนอกหอคอยนั้นอันตรายมาก ซึ่งถ้าออกไปอาจจะมีคนเอาผมวิเศษของลูกไปได้ อยู่มาวันหนึ่ง ฟลินน์ ได้ขโมยมงกุฎที่ว่ากันว่าเป็นของเจ้าหญิงที่หายไป และเขาหนีพวกทหารที่จะจับตัวเขา จนมาถึงหอคอย และได้เข้าไปในหอคอย ได้เจอกับ Rapulzel  เธอกลัวมากและได้ทำร้ายฟลินน์ และในตอนนั้นแม่มดก็กลับมา เธอกำลังจะบอกแม่มดว่า มีผู้ชายเข้ามาในหอคอย แต่แม่มดไม่ฟัง และ Rapulzel ก็นึกขึ้นได้ว่า จะให้ ฟลินน์ นำเธอออกไปจากหอคอย เพื่อไปดูโคมไฟลอย และเธอจึงบอกแม่มดว่า ในวันเกิดปีนี้ หนูอยากทานอาหารอร่อยๆ และให้แม่มดออกไปหามาให้ แม่มดได้ออกไป 3 วัน และเธอก็เอาตัวฟลินน์ออกมาจากตู้เสื้อผ้า และเธอมีเงื่อนไขว่า ถ้าฟลินน์นำเธอออกไปจากหอคอยและพาเธอไปดูโคมไฟลอยนั้น เธอจะคืนมงกุฏให้ ซึ่งฟลินน์ก็ตกลง ทั้งสองได้เดินทางไปเพื่อไปดูโคมไฟลอย แต่ในระหว่างทางนั้นก็มีอุปสรรค์ต่างๆมากมาย แม่มดกลับมาไม่เห็นเธอบนหอคอย โกรธมากและออกตามหา และแม่มดได้ไปเจอเธอ จึงบอกให้เธอกลับบ้าน แต่เธอไม่กลับ แม่มดได้แต่ใจเย็น และแอบมองห่างๆ  ฟลินน์และ Rapulzel ได้ไปดูโคมไฟลอยฟ้าด้วยกัน เมื่อดูโคมไฟลอยฟ้าเสร็จแล้วฟลินน์ได้นำมงกุฎไปให้โจรที่กำลังตามล่าเขาอยู่และปล่อย Rapulzel ไว้คนเดียว เธอเข้าใจผิด คิดว่าฟลินน์ทิ้งเธอ และเธอได้กลับไปกับแม่มด และฟลินน์ถูกจับ และถูกปล่อยตัวออกมาได้ เมื่อเธอกลับไปถึงหอคอย เธอได้คิดทบทวน และรู้ว่าเธอต้องเป็นเจ้าหญิงที่หายตัวไปแน่นอน และเธอคิดที่จะหนี แต่แม่มดไม่ยอม ฟลินน์ได้มาถึงหอคอย เพื่อมาช่วยเธอ แม่มดได้ทำร้ายฟลินน์  Rapulzel ได้สัญญากับแม่มดว่า เธอยอมทำตามแม่มดทุกอย่าง เพียงแค่อย่าฆ่าฟลินน์เพราะเธอรักเขามาก และฟลินน์ได้เอามีดตัดผมเธอ และแม่มดก็ตกลงมาจากหอคอยตาย และฟลินน์ได้นำเธอไปหาพระราชาและพระราชินี และบอกว่าเธอคือเจ้าหญิงที่หายตัวไป และพระราชา พระราชินี เจ้าหญิงและฟลินน์ได้กอดกันและอยู่ในพระราชวังอย่างมีความสุข 
                วันที่ 22 เดือนตุลาคม พ..2558 2558 ถึงวันที่ 23 เดือนตุลาคม พ..2558 ดิฉันได้ดูหนังเรื่อง Frozen เหตุผลที่เลือกดูหนังเรื่องนี้ คือ หนังเรื่องนี้เป็นแนว animation ดู แล้วมีความเพลิดเพลิน ฟังง่าย ไม่อยากเกินไป เพราะในเรื่องจะพูดไม่เร็วเท่าไหร่ วิธีการฝึกคือ ฝึกฟังตั้งแต่ต้นจนจบ 1รอบ จากนั้นฟังรอบที่ 2 ฝึกฟังเสียงภาษาอังกฤษแบบมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ และถ้าประโยคไหนไม่เข้าใจจะเปิดซับไตเติ้ลภาษาไทย  เรื่องราวของ Frozen เป็นเรื่องราวของเอลซ่า หญิงสาวผู้มีพลังน้ำแข็ง พลังนี้เป็นเหมือนดาบสองคม สามารถสร้างสิ่งดีๆได้และสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่เธอต้องควบคุมมันให้ได้ ซึ่งเธอจะต้องเก็บตัวให้อยู่แต่ในห้อง ออกห่างจากผู้คน ใส่ถุงมือไว้ เพื่อเธอสามารถควบคุมพลังวิเศษนั้นไม่ให้ทำอันตรายใดๆได้  หลังจากนั้นพ่อแม่ของเอลซ่าได้ตาย เพราะโดนพายุซัดใส่เรือ และเรือล่ม 3 ปีต่อมาที่พระราชวังได้จัดงานขึ้นโดย เอลซ่าได้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองแทนท่านพ่อท่านแม่ เอลซ่ามีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่าแอนนา แอนนาต้องการจะแต่งงานกับเจ้าชายฮานส์แห่งเกาะทะเลใต้ แต่เอลซ่าไม่ยอมและถุงมือได้หลุดออก เธอไม่สามารถควบคุมพลังนั้นได้ พลังนี้จึงทำร้ายผู้คนในเมือง และเธอได้หนีไปไกลจากผู้คนเธอขึ้นไปอยู่บนเขา ซึ่งตอนนี้เธอได้เสกให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งแล้วโดยที่เธอไม่รู้ตัว  แอนนาได้ออกตามหาพี่สาวของเธอและให้ฮานส์ดูแลเมืองแทนเธอ แอนนาได้ออกตามหาเอลซ่าคนเดียว ในระหว่างทางนั้นเธอได้พบกับชายคนหนึ่ง ชื่อ คริสโตฟ ซึ่งเป็นพ่อค้าขายน้ำแข็ง  ขี่กวางเรนเดียร์ และได้เจอกับมนุษย์หิมะผู้อับโชค เพื่อค้นหาพี่สาวที่ห่างเหินซึ่งมีพลังน้ำแข็งที่ทำให้อาณาจักรตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวชั่วนิรันดร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะหยุดพลังน้ำแข็งได้คือ รักแท้ แอนนาได้เจอกับเอลซ่าและได้บอกว่า ตอนนี้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งแล้ว และให้เอลซ่ากลับไปกับเธอเพื่อช่วยแก้ปัญหากัน แต่เอลซ่าไม่ยอมไป และวิงวอนให้เธอกลับมา แต่เธอไม่ยอมกลับมา และเธอเสกให้หิมะยักษ์ทำร้ายแอนนา และไล่พวกเขา  คริสโตฟ ได้พาแอนนาไปหาครอบครัวของเขา และปู่ของคริสโตฟได้บอกว่า เอลซ่าได้ใส่น้ำแข็งลงไปในตัวของแอนนา หัวใจของเธอสามารถตายได้ รักแท้เท่านั้นที่จะแก้ได้ เมื่อรู้อย่างนั้นคริสโตฟจึงรีบพาแอนนากลับมา เพื่อมาหาเฮนส์และให้เฮนส์จุมพิตแอนนา แต่เฮนส์ไม่จุมพิตแอนนา เพราะเขาไม่ได้รักแอนนา เพียงแค่ต้องการจะครอบครองเมืองเท่านั้นเอง สักพักต่อมาเฮนส์กำลังจะฆ่าเอลซ่า แอนนาได้เข้ามาและตายแทนพี่สาว ทำให้พลังน้ำแข็งที่อยู่ในตัวของเอลซ่าหมดไป และเฮนศ์ถูกแอนนาผลักลงน้ำตาย ผู้คนในเมืองกลับมามีความสุขอีกครั้งหลังจากที่ฤดูหนาวผ่านไป ขณะที่ฝึกนั้นได้ฟังบางประโยคไม่เข้าใจ เนื่องจากมีการลิงค์เสียง เช่น Don’t let them in. จะออกเสียงเป็น ดอนท์ เลท เด็ม มิน  , For the first time in forever. จะออกเสียงเป็น ฟอร์ เดอะ เฟริส ทาม มิน ฟอรเรฟเวอร์ , และนอกจากนี้ได้เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆมากมาย เช่น  charge   (vt.) แปลว่า แต่งตั้ง , insolation (n.) แปลว่า ความอ้างว้าง , conceal (vt.) แปลว่า ปกปิด , treason (n.) แปลว่า การกบฏ , destruction (n.) แปลว่า การทำลาย , sacrifice ( vt.) แปลว่า เสียสละ เป็นต้น
                วันที่ 24 เดือนตุลาคม พ..2558 ถึงวันที่ 25 เดือนตุลาคม พ..2558 ดิฉันได้ฟังเพลง ชื่อว่า ready or not ร้องโดย Bridgit Mendler  เหตุผลที่เลือกฟังเพลงนี้เพราะ เป็นเพลงที่สนุกสนาน เมื่อฟังแล้ว สบายใจ แต่เป็นเพลงที่เร็วมาก ฟังยาก ดิฉันอยากจะฝึกฟังเพลงเร็วๆบ้าง เมื่อได้ยินฝรั่งพูดเร็วจะได้รับมือได้ ฝึกความคุ้นเคย วิธีการฝึกคือ ดิฉันฟังแบบมี lyrics เพราะจะได้ฝึกร้องตามด้วย ฟังทั้งหมด 10 ครั้ง  ซึ่งแต่ละครั้งนั้น ไม่เหมือนกัน บางครั้งฟังและร้องตาม และบางครั้งฟังอย่างเดียว ได้รู้คำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น เช่น คำว่า crook (  n.) แปลว่า ขโมย  , caught  (vi.) เป็นกริยาช่อง 2 ของ catch แปลว่า จับ ,  kryptonite  ( n.) แปลว่า แร่คริปโตไนต์ ,  hunt (n.) แปลว่า การล่าสัตว์ พบว่าในเพลงนั้นได้มีการลิ้งค์คำอยู่หลายที่ด้วยกัน เช่น I’m the kind a girl who doesn’t say a word. , Who sits at the curb and waits for the world. , But I’m about to break out., about to break out. , And now I’m like a bee and I’m hunt in for the honey.,  Light my heart up baby like a matchstick ., Here I come ., Ready or not here I come boy it's on. , Live in like a fairytale.  เพลงนี้เกี่ยวกับ ผู้หญิงคนหนึ่งต้องการหารักแท้ เธอได้ออกตามหารักแท้ ซึ่งเธอมีผู้ชายที่หมายปองอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่หล่อ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะพร้อมหรือไม่ แต่เธอก็พร้อมที่จะเข้าไปหาและพูดกับชายคนนั้น เธออยากให้ผู้ชายคนนั้นมาเติมเต็มความรักในใจของเธอ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ทำให้ผู้ชายคนนั้นตกหลุมรักได้   เธอต้องการใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนั้นอยากอิสระดั่งใจต้องการ  โดยมีเขาและเธอสองคน และอยากไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างอิสระ ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีแสงสว่างในจิตใจของเธอ และเธอพร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขาอย่างหรูหรา สะดวกสบาย  และวันที่ 25 เดือนตุลาคม พ..2558 ได้ฟังเพลง Let It Go ร้องโดย Demi  Lovato เหตุผลที่เลือกฟังเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่มีความไพเราะ ฟังไม่ยาก  วิธีการฝึกคือ ดิฉันเปิดเพลงนี้ในขณะที่ดิฉันกำลังรีดผ้าอยู่ เมื่อรีดผ้าเสร็จได้ฟังเพลงนี้ฟังแบบมี lyrics  ประมาณ 7 รอบ และได้ฝึกร้องตามและดูคำศัพท์ในเพลงด้วย  เพลงนี้เป็นเพลงเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งมีพลังวิเศษ ซึ่งเขาไม่สามารถควบคุมพลังนั้นได้ เธอได้ปลีกตัวออกห่างจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมี โดยในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดและหนาวเหน็บกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่  การที่เขาต้องควบคุมพลังวิเศษนั้น ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและทรมาน ในเมื่อสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเธอนั้นไม่สามารถสัมผัสอะไรได้เลย แต่เมื่อเธอได้ออกมา มันทำให้เธอสามารถสัมผัส ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการได้ และเธอไม่รู้ว่าหนทางใดที่จะควบคุม หรือให้พลังนี้หายไปจากตัวของเธอ จนกระทั่งเธอได้พบเจอกับสิ่งที่ทำให้พลังหายไปจากตัวของเขา นั่นก็คือ ความรัก ได้รู้คำศัพท์ใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น เช่น คำว่า slam  (vi.) แปลว่า ปิดดังปัง  footprint (n.)แปลว่า รอยเท้า  ,  isolation  ( n.) แปลว่า ความโดดเดี่ยว  ,  swirl  ( vi.) แปลว่า หมุน  ,  conceal  ( vt.) แปลว่า ปกปิด , bother (vt.) แปลว่า ทำให้เกิดปัญหา ,  relieved ( adj.) แปลว่า ซึ่งปลดเปลื้อง ในเพลงมีการลิ้งค์คำมากมาย เช่น The wind is howling like the swirling storm inside.  , Don’t let them in, don’t let them see, Let it go, let it go. It’s funny how some distance makes everything seem small. , And the fears that once controlled me can’t get to me at all. เป็นต้น
                วันที่ 26 เดือนตุลาคม พ..2558 2558 ดิฉันได้ฟังเพลง ชื่อว่า  Party in the U.S.A.   ของศิลปินชื่อว่า  Miley Cyrus   เหตุผลที่เลือกฟังเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่มีความไพเราะ ฟังง่าย เป็นเพลงสบายๆ  วิธีการฝึกคือ ดิฉันได้ฟังเพลงทั้งหมด 10 รอบ โดยรอบที่ 1-5 นั้น ฟังทีละท่อน และอ่านตาม และรอบที่ 6-10 นั้นเปิดเพลงทิ้งไว้ และไปทำทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วย เช่น เก็บของเข้าที่ กวาดขยะ เป็นต้น และพบว่า ในตอนที่ฟังนั้นส่วนใหญ่แล้วฟังไม่เข้าใจ เนื่องจากมีการลิ้งค์คำ และออกเสียงไม่ชัดเท่าไหร่ ส่วนคำที่ออกเสียงชัดนั้นจะฟังเข้าใจว่า หมายถึงคำศัพท์คำไหน และบางครั้งเมื่อฟังนั้นไม่เข้าใจว่าท่อนนั้นเกี่ยวกับอะไร และได้กลับไปดูใหม่ ซึ่งคิดว่าการฟังเพลงนั้น ต้องเข้าใจและรู้ว่ามีการลิ้งค์คำตรงไหนบ้าง เช่น I hopped off the plane at L.A.X. with a dream and my cardigan. ,   Welcome to the land of fame, excess, whoa! am I gonna fit in? , My tummy’s turnin’ and I’m feel in kinda homesick. , And the Jay-Z song was on.  , So I put my hands up, they’re playin’ my song. , I’m noddin’ my head like Yeah!. , Movin’ my hips like Yeah!. Like who’s that chick that’s rockin’ kicks.เป็นต้น เพลงนี้เป็นเพลงเกี่ยวกับ ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเด็กบ้านนอก เข้ามาในสหรัฐอเมริกา เพื่อมาร่วมงานปาร์ตี้ เมื่อมาถึงสหรัฐอเมริกานั้นได้เห็นตึกราบ้านช่องต่างๆสวยงามมาก เธอรู้สึกคิดถึงบ้านเนื่องจากที่นี่ไม่เหมือนกับที่บ้านของเธอ ในขณะที่นั่งอยู่บนรถเท็กซี่นั้น คนขับรถได้เปิดเพลงของเธอ  เธอดีใจและมีความสุขมาก เมื่อไปถึงงานปาร์ตี้นั้นทุกคนแต่งตัวดูดี  ใส่รองเท้าส้นเข็ม ซึ่งเธอแต่งตัวไม่ทันสมัย ทำให้เธอมีความรู้สึกคิดถึงบ้านและเพื่อนๆของเธอที่บ้าน เธอไม่มีความสุขกับปาร์ตี้ครั้งนี้เลย ต่อมาดิฉันได้ฟังเพลง ชื่อว่า You and I   ของ One Direction เหตุผลที่เลือกฟังเพลงนี้เพราะ เพลงนี้เป็นเพลงที่ไม่เร็ว ฟังง่าย และมีความไพเราะ เนื้อหาโดยรวมของเพลงนี้ คือ ไม่มีสิ่งไหนที่จะพรากเขาสองคนไปได้   เขาสองคนฝ่่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน เขารู้ว่าการอยู่ด้วยกันนั้นมันเป็นอย่างไง  เขาก็ฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน  และจะไม่มีอะไรที่จะขวางกั้นพวกเขาสองคนได้ แม้แต่พระเจ้า การที่เขาผิดพลาดและได้พบเจอบางอย่าง  เขาผิดพลาดและได้เริ่มต้นใหม่ และไม่มีใครรู้ในสิ่งที่เขาพบเจอเป็นอย่างไร ต่างคนต่างมุมมอง  คนอื่นเคยพยายามบ้างไหม    และในเพลงนี้มีการลิ้งค์คำหลายที่ด้วยกัน เช่น Seconds and hours. ,  Did they ever hold each other tight like us. ,   You and I.  , We don’t want to be like them. ,   Saw the mistakes of up and down. ,   I see what it’s like. ,   I see what it’s like for day and night. ,  Not even the Gods above can separate the two of us. , We could make it if we try.  และนอกจากนี้ยังได้รู้จักการใช้ wanna อีกด้วย ดังตัวอย่างในเพลง คือ We don’t wannna  be like them. Wanna ใช้เมื่อพูดถึงความปรารถนาที่จะทำอะไรบางอย่าง ซึ่งมาจากคำว่า want to เช่น  What do you wanna do?  (What do you want to do?)  คุณอยากจะทำอะไรล่ะ  ,   I wanna get this done.  (I want to get this done)ฉันต้องการทำสิ่งนี้ให้เสร็จ Wanna know what Jim told us?  (Do you want to know what Jim told us?)  คุณอยากจะรู้ว่าจิมบอกอะไรกับพวกเราหรือ 
                หลังจากที่ได้ดูหนังเรื่อง Rapulzel และ Frozen และได้ฟังเพลง 4 เพลง คือ เพลง ready or not , เพลง  Let It Go , เพลง Party in the U.S.A. และเพลง You and I   ตั้งตั้งแต่วันที่ 20 เดือนตุลาคม พ..2558 ถึงวันที่ 26 เดือนตุลาคม พ..2558 ทำให้ดิฉันรู้ว่าการฟังเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะถ้าดิฉันไม่สามารถฟังได้อย่างเข้าใจแล้ว ดิฉันไม่สามารถรู้ได้ว่าสารนั้นหมายถึงอะไร ซึ่งเป็นปัญหาอย่างมาก เมื่อฟังไม่เข้าใจ ทำให้เรามีความรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ และเกิดความสับสน ไม่เข้าใจ และนำไปสู่ปัญหาตามมาได้ เพราะความไม่เข้าใจ ซึ่งในการฝึกครั้งนี้ การฟังของดิฉันพัฒนาขึ้นในระดับหนึ่ง เพราะทักษะทุกทักษะต้องใช้เวลาและความอดทนเท่านั้น จากการที่ได้ดูหนังและฟังเพลงในครั้งนี้นั้น นอกจากจะได้ฝึกทักษะการฟังแล้ว ยังได้ฝึกทักษะอื่นๆควบคู่ด้วยเช่นกัน ได้แก่ ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน ได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่เพิ่มมากขึ้น รู้จักการลิ้งค์คำ และสามารถเข้าใจการลิ้งค์คำมากยิ่งขึ้น การใช้ gonna  และรู้จักที่จะตีความ เพราะในเพลงนั้นเมื่อแปลแล้วจะต้องแปลความอีกครั้งว่าความหมายที่แท้จริงคืออะไร อย่างไรก็ตามการฝึกในครั้งนี้อาจจะมีอุปสรรค์  แต่ถือว่าการฝึกฟังในครั้งนี้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น