Learning Log (นอกห้องเรียน)
ฝึกทักษะการเขียน
1st September, 2015
จากสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดิฉันได้ฝึกทักษะการฟัง การพูด เห็นได้ว่าสองทักษะที่ผ่านมามีการพัฒนาขึ้น
ซึ่งสัปดาห์นี้ดิฉันเลือกฝึกทักษะการเขียน
เนื่องด้วยทักษะนี้เป็นทักษะที่ดิฉันอ่อนและต้องพัฒนาอย่างมาก ในการฝึกครั้งนี้ดิฉันเลือกฝึกเขียน การเขียน หมายถึง การถ่ายทอดความรู้
ความรู้สึกนึกคิด เรื่องราว
ตลอดจนประสบการณ์ต่างๆไปสู้ผู้อื่นโดยใช้ตัวอักษรเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอด
การเขียนเป็นวิธีการสื่อสารที่สำคัญในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด และประสบการณ์ เพื่อสื่อไปยังผู้รับได้อย่างกว้างไกล
นอกจากนั้นการเขียนยังมีคุณค่าในการบันทึกเป็นข้อมูลหลักฐานให้ศึกษาได้ยาวนาน ซึ่งในการเขียนจะเขียนจากเรื่องใกล้ตัวเพื่อสามารถเข้าใจการเขียนได้ง่ายขึ้น
การเขียนเป็นทักษะที่เป็นวิชาการ ผู้เขียนต้องมีความรู้ด้านไวยากรณ์
คำศัพท์เป็นอย่างดี เพื่อสามารถเขียนออกมาได้ดี
ดิฉันตั้งใจฝึกเขียนเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 ถึง วันที่ 7 กันยายน
พ.ศ. 2558 เพื่อดิฉันสามารถเขียนเรียงความจากเรื่องใกล้ตัวง่ายๆได้ดี
และสามารถต่อยอดในการเขียนครั้งต่อไปและนำไปสู่ทักษะอื่นๆได้
วันที่
1 กันยายน พ.ศ. 2558 ถึง 2 กันยายน พ .ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกเขียนเรียงความเรื่อง
My mom ในวันแรกดิฉันได้เขียนเค้าโครง
(outline) เหตุผลที่เลือกเขียนเรื่อง My mom เพราะเป็นการเริ่มเขียนบรรยายคนใกล้ชิดก่อน โดยเริ่มจากคุณแม่ของตัวเอง
ซึ่งในการเขียน จะเขียน introduction เกี่ยวกับอายุ รูปร่าง
และลักษณะของคุณแม่ก่อน ส่วนใน body เขียนบรรยายความสัมพันธ์กับคุณแม่
และ conclusion จะเขียนการแสดงความรักกับคุณแม่อย่างไร
เมื่อเขียนเค้าโครงเสร็จ จากนั้น ศึกษาคำศัพท์ คำคุณศัพท์ และประโยค
เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะของคุณแม่ เช่น beautiful, kind, big eyes ,คุณแม่ของฉันผมยาวและตาโตมาก ( My mom has long hair and very big eyes.), ปากของท่านเล็กและน่ารัก ( Her mouth is small and pretty), คุณแม่ของฉันใจดีกับทุกคนและยิ้มแย้มอยู่เสมอ ( My mom is affable
to everyone; she is always smiling. และคิดคำศัพท์ เกี่ยวกับ คุณแม่มักจะทำอะไรบ้าง เช่น ทำกับข้าว (cooking),
ทำงานบ้าน (doing housework) เป็นต้น จากนั้น
นึกเรื่องราวที่ผ่านมาว่า ฉันทำให้คุณแม่โกรธหรือดีใจเรื่องอะไรบ้าง เช่น สอบได้คะแนนดี ( get a good mark),
ช่วยคุณแม่ทำงานบ้าน help her with the housework), ไม่กินผัก ( not eat vegetables), ต่อมา คิดคำศัพท์
และวลีเกี่ยวกับการแสดงความรักกับคุณแม่อย่างไรบ้าง เช่น กอด (a hug), การ์ดอวยพรวันแม่ (a mother card), ดอกไม้ (
flowers) เป็นต้น
ต่อมาในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ.
2558 ดิฉันได้เริ่มลงมือเขียน และพบว่าในการเขียนครั้งนี้ออกมาไม่ดี
เนื่องจากเขียนไม่น่าอ่านและไม่ดึงดูดความสนใจในการอ่าน และที่ต้องปรับปรุงคือ
ศึกษาเกี่ยวกับวลี ประโยคต่างๆที่สามารถนำมาประยุกต์กับการเขียนในครั้งนี้ให้ดีกว่าเดิม
วันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558 ถึง 4 กันยายน พ .ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกเขียนเรียงความเรื่อง
My classmates ในวันแรกดิฉันได้เขียนเค้าโครง
(outline) เหตุผลที่เลือกเขียนเรื่อง My classmates เพราะเพื่อนในชั้นเป็นกลุ่มบุคคลที่ใกล้ชิดรองลงมาจากคนในครอบครัว ซึ่งในการเขียน จะเขียน introduction คือทำไมถึงชอบไปโรงเรียน ส่วน body เขียนบรรยายลักษณะนิสัยของเพื่อนร่มชั้น และ conclusion
เขียนเนื้อหาให้สัมพันธ์กับย่อหน้าแรก คือ ทำไมถึงชอบไปโรงเรียน เมื่อเขียนเค้าโครงเสร็จ จากนั้น ศึกษาวลีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนร่วมชั้น
เช่น ชอบไปโรงเรียน ( like going
to school), ไม่ชอบไปโรงเรียน ( hate going to school ),การบ้านมากมาย
(lot of homework) , เล่นด้วยกัน ( play together), ไปเข้าค่าย (go camping), ทำการบ้าน (do
homework), ร้องเพลง (sing song) จากนั้น
คิดคำศัพท์เกี่ยวกับเพื่อนร่วมชั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง เด็กผู้ชาย (boys),
เข้ากับคนอื่นได้ง่าย (outgoing), หัวหน้าห้อง
( class leader), สนุกสนาน (funny), เด็กผู้หญิง
(girls), อ่อนโยน เป็นต้น
และคิดประโยคที่บรรยายกิจกรรมที่ทำด้วยกัน เช่น เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น(We
have to learn how to socialize in a group setting.) , เราต้องเขียนโครงงานกลุ่มกับผู้อื่น ( We have to write a team
project.) เป็นต้น จากนั้นหาประโยคเกี่ยวกับ
เพื่อนร่วมชั้นมีความหมายกับฉันอย่างไร เช่น ฉันได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเขาด้วย (I
also share my daily life with them).
, ฉันได้คุยเรื่องคนดังกับพวกเขาด้วย
( I also discuss celebrities with
them.), พวกเขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นเรียน
แต่ยังเป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วย ( They’re not only my classmates but also
my best friends. ), พวกเขาไม่ได้เป็นแค่คุณครูแต่เป็นแบบอย่างของฉันด้วย
( They’re not only my teachers but also my role models.) ต่อมาในวันที่
4 กันยายน พ.ศ. 2558 ดิฉันได้เริ่มลงมือเขียน และพบว่าในการเขียนครั้งนี้พัฒนากว่าครั้งก่อน
วันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558 ถึง 6 กันยายน พ .ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกเขียนเรียงความเรื่อง
What a Surprising Birthday Party
ในวันแรกดิฉันได้เขียนเค้าโครง (outline) เหตุผลที่เลือกเขียนเรื่อง
What a Surprising Birthday Party
เพราะเมื่อวันเกิดที่ผ่านมาเป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิตของดิฉัน ซึ่งในการเขียน Introduction บรรยายความรู้สึกในวันเกิด ส่วน body เขียนความรู้สึกก่อนงานเลี้ยงวันเกิด และconclusion
เกิดเหตุการณ์อะไรที่นึกไม่ถึงมาก่อน เมื่อเขียนเค้าโครงเสร็จ จากนั้น ศึกษาวลีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความประหลาดใจและตื่นเต้นในงานวันเกิด
โดยย่อหน้าที่ 1 ความรู้สึกในวันเกิด
เช่น วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน (
Today, is my birthday and I’m so excited about it.), ฉันรอคอยวันนี้มา
1 สัปดาห์แล้ว (I’ve been anticipating this day for
about one week.), ฉันร้องเพลงเสียงดังอย่างมีความสุขขณะอาบน้ำ (I
was singing happily and loudly while I
was taking a shower.)ย่อหน้าที่ 2 ความรู้สึกก่อนงานเลี้ยงวันเกิด
เช่น ฉันตื่นเต้นจนกินอะไรไม่ลง (I was too nervous to eat anything.), ฉันตกใจมาก พวกเขาลืมไปว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฉันหรือเปล่า (I
was so shocked. Did they forget about my birthday?) ย่อหน้าที่ 3
เกิดเหตุการณ์ที่นึกไม่ถึงมาก่อน เช่น
ฉันชอบงานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้มากเหลือเกิน (I love this birthday party
so much.), ที่เป็นงานเลี้ยงที่น่าตื่นเต้นดีใจที่สุดจริงๆ (What
a surprising birthday party)ตั้งแต่นี้ไป
ฉันหวังว่าจะมีงานเลี้ยงวันเกิดที่แสนตื่นเต้นดีใจอย่างดีทุกปี (From now
on, I wish I could have a surprising birthday party every year.)เป็นต้น
ต่อมาในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2558
ดิฉันเริ่มลงมือเขียน และพบว่าในการเขียนครั้งนี้พัฒนากว่าครั้งก่อน
วันที่
7 กันยายน พ .ศ. 2558 ดิฉันได้ฝึกเขียนเรียงความเรื่อง
My family ดิฉันได้เขียนเค้าโครง
(outline) เหตุผลที่เลือกเขียนเรื่อง My family เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว และดิฉันคิดว่าสามารถเขียนออกมาได้ดี ในการเขียน
introduction เป็นการเขียนแนะนำสมาชิกในครอบครัว ส่วน body
บรรยายความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว และconclusion ความรักและความหวังของคนในครอบครัว
เมื่อเขียนเค้าโครงเสร็จ จากนั้น คิดวลีเกี่ยวกับครอบครัวของฉันเป็นอย่างไรบ้าง
เช่น คุณพ่อทำงานยุ่ง (father is busy), แย่งรีโมตโทรศัพท์กัน
( fight over the TV remote control ), ไปเที่ยวกับครอบครัว (
family trip) จากนั้น คิดวลีเกี่ยวกับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อครอบครัว
เช่น ครอบครัวที่ดีที่สุด (the best family), รักครอบครัวของฉันมาก
( love my family very much. เป็นต้น จากนั้นฉันได้ลงมือเขียน โดยในย่อหน้าที่ 1 เขียนแนะนำสมาชิกในครอบครัว
ครอบครัวของฉันมีทั้งหมด 4 คน ( There are four
people in my family), ฉันมีพี่น้อง 2 คน
น้องชาย 1 คน และฉัน (I have one younger brother and
me), ในย่อหน้าที่ 2 บรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว
ถึงแม้ว่าเราพี่น้องจะทะเลาะกันบ่อยๆแต่ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของเราดีมาก (
Although my brother and I often fight in words, in fact , our relationship is
very good.), เรามักจะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์(
We usually go for a family trip on weekends.), น้องชายกับฉันชอบแย่งรีโมตโทรศัพท์กัน
(My brother and I always fight over the TV remote control.) และย่อหน้าที่ 3 บรรยายความรู้สึกที่มีต่อครอบครัว เช่น
ฉันหวังว่าครอบครัวของฉันจะอยู่อย่างมีความสุขตลอดไป ( I hope my family
can live happily forever), เป็นต้น เมื่อดิฉันเริ่มลงมือเขียน
ทำให้ดิฉันพบว่าการเขียนในครั้งนี้ดีกว่าการเขียนในครั้งก่อนๆ
ในการฝึกเขียน
ตั้งแต่ วันที่ 1
กันยายน พ.ศ. 2558 ถึง
วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2558 ทำให้ดิฉันรู้ว่า ในการเขียนนั้น ผู้เขียนต้องมีความรู้หลายด้าน
ทั้งด้านไวยากรณ์ คำศัพท์ วลีต่างๆที่สามารถนำมาใช้ในการเขียน
จากการฝึกเขียนเรียงความในครั้งนี้
ทำให้ดิฉันรู้ว่าการเขียนเรียงความไม่ยากอย่างที่คิด แต่ต้องอาศัยเวลาและการฝึกฝน
ถึงแม้ว่าการเขียนในครั้งนี้อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร
ดิฉันคิดว่าการเขียนในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้ฝึกเขียนเรียงความเรื่อง My
mom, My classmate, What a Surprising Birthday Party และเรื่อง My
family และดิฉันจะนำความรู้ที่ได้จากการฝึกเขียนเรียงความในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้กับการเขียนเรียงความในครั้งต่อไป
ซึ่งในการเขียนครั้งนี้ดิฉันมีความกังวลในการเขียน กลัวเขียนไม่ถูกต้อง
ดิฉันแก้ปัญหานี้โดยให้เพื่อนช่วยดูให้และเพื่อนช่วยแนะนำ
ซึ่งในการเขียนครั้งนี้ยังเขียนไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น ดิฉันต้องฝึกการเขียนให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อวันหนึ่งสามารถเขียนเรียงความภาษาอังกฤษได้ดีอย่างที่ตั้งใจและหวังไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น